ติดมือถือ ใช้มือทำงานหนักหรือเล่นกีฬามากเกินไป ระวังภัยการเป็นนิ้วล็อค โรคที่ใคร ๆ ก็สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัยในขณะนี้ เนื่องจากสังคมในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต ล้วนทำให้ผู้คนต่างต้องใช้และอยู่กับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานจึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและโรคที่ตามมานั่นเอง
นิ้วล็อค ไม่อันตรายแต่ลำบากการใช้ชีวิต
โรคนิ้วล็อคฟังดูเป็นโรคที่ไม่น่ากลัว และอันตราย แต่กลับส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมหาศาล หากละเลยไม่ใส่ใจอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตนเองอาจส่งผลให้ภายในอนาคตนิ้วบวม อักเสบ จนไม่สามารถเหยียดนิ้วตรงหรืองอนิ้วได้เอง ทำให้นิ้วใช้งานไม่ได้ในชั่วขณะหนึ่งหรือเรียกว่าภาวะข้อติดแข็ง เพราะเกิดการอักเสบบริเวณฝ่ามือตำแหน่งใกล้โคนนิ้ว โดยปกติมักเป็นนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วโป้ง
5 อาชีพใช้มือทำงานหนัก เพิ่มโอกาสเร่งนิ้วล็อค
แม้แต่…แม่บ้านที่ชอบซื้อของและหิ้วถุงมีน้ำหนัก ๆ เป็นจำนวนมากในคร่าวเดียวกันก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ เนื่องจากมีการใช้นิ้วหิ้วของมีน้ำหนักเป็นเวลานานในลักษณะการเกร็งนิ้วมืออยู่ตลอดเวลา จึงไปเพิ่มโอกาสความเสี่ยง เร่งการเป็นโรคนี้ให้เร็วมากกว่าเดิม และอาชีพที่จำเป็นจะต้องใช้มือทำงานหนักเป็นพิเศษนั้นเข้าข่ายการเป็นโรคนี้ได้ง่ายเช่นเดียวกัน
- พนักงานออฟฟิศ
- ช่างไม้/ช่างไฟฟ้า
- ช่างทำผม/ช่างเสริมสวย
- คนสวน
- ทันตแพทย์
- นักดนตรี
จุดเริ่มต้นของการเป็น…นิ้วล็อค (Trigger finger)
- ผลข้างเคียงจากการป่วยเป็นโรคประจำตัวบางชนิด ได้แก่ โรคเบาหวาน โรครูมาตอยด์ โรคไต เป็นต้น
- ผู้ที่ใช้มือทำงานหนัก และต้องเกร็งมืออยู่ตลอดเวลา
- ผู้ที่ติดมือถือ ติดแชท
- นักกีฬาที่ต้องใช้มือในการเล่นและใช้แรงในการงอนิ้วหรือกำนิ้ว เช่น นักแบดมินตัน เป็นต้น
- การเปลี่ยนแปลงความเสื่อมของเซลล์บริเวณมือ
ระยะอาการก่อนเข้าสู่ภาวะนิ้วข้อติด
ระยะที่ 1 | เริ่มมีอาการปวด ตึง บริเวณโคนนิ้วมือ อาจมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อขยับนิ้ว หรือกดฐานนิ้วมือด้านหน้าแล้วมีอาการเจ็บ แต่ยังสามารถงอ เหยียด นิ้วได้อย่างเต็มที่ |
ระยะที่ 2 | รู้สึกนิ้วสะดุดเมื่อเหยียดนิ้ว ขยับนิ้ว และงอนิ้ว ไม่สามารถเหยียดนิ้วได้อย่างเต็มที่ แต่ยังขยับได้อยู่ |
ระยะที่ 3 | ไม่สามารถง้อนิ้วหรือเหยียดได้เอง ต้องใช้มืออีกข้างช่วยง้างออก และเมื่องอนิ้วลงมักมีอาการล็อค |
ระยะที่ 4 | ข้อนิ้วยึดติด มีอาการบวม อักเสบ ไม่สามารถขยับได้ อาจมีข้อนิ้วมือผิดรูปร่วมด้วย |
การรักษาในแต่ละระยะอาการ
ระยะที่ 1-2 | ในระยะนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาต้านการอักเสบ เพื่อบรรเทาอาการปวดบริเวณปลอกหุ้มเอ็นนิ้ว ร่วมกับการยืดเส้น และพักมือจากกิจกรรมต่าง ๆ บางรายอาจใช้อุปกรณ์ดามนิ้ว ตัวช่วยให้นิ้วได้พัก และไม่งอหรือเหยียดจนเกินไปนั่นเอง |
ระยะที่ 3-4 | สำหรับระยะขั้นรุนแรงจำเป็นต้องมีการบริหารนิ้ว และกายภาพบำบัดเพื่อบรรเทาอาการปวด และไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำอีก เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาโรคนิ้วล็อคที่ให้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยได้รับคำแนะนำ พร้อมทั้งการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อเพิ่มการรักษาให้แม่นยำจุดตรง ด้วยการใช้เครื่อง Ultrasound ในการยืด ผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อ ลดอาการล็อคของนิ้วได้อย่างดี |
ท่าบริหารคลายล็อคให้นิ้ว ทำง่ายได้ด้วยตัวเอง
ท่าที่ 1 : บริหารนิ้วและมือด้วย กำ-แบ
ฝึกกำ-แบ เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวของมือและนิ้ว โดยขณะที่กำมือนั้นให้ออกแรงกำหมัดค้างไว้ และขั้นตอนต่อมาเป็นการแบหรือกางมือซึ่งการแบมือนั้นต้องเหยียดนิ้วออกไปให้สุด ทำท่าละ 10-15 วินาที ข้างละ 6-10 เซต
ท่าที่ 2 : ท่าโอเค
ทำท่าโอเค โดยเหยียดนิ้วให้สุดแต่ไม่ต้องฝืนมากเกินไปหากรู้สึกเจ็บบริเวนโคนนิ้ว ทำให้ครบทุกนิ้วทั้งสองค้าง โดยค้างไว้นิ้วละ 5 วินาที ทำข้างละ 10 เซต
ท่าที่ 3 : ท่าบีบลูกบอล
บีบลูกบอลนิ่ม ๆ เพื่อบริหารมือและนิ้วให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา โดยวิธีการบริหารท่านี้ คือ บีบลูกบอลให้แรงมากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้และค้างไว้สักพัก 3 วินาทีแล้วคลายออก ทำซ้ำแบบนี้เรื่อย ๆ ทั้งสองข้าง ข้างละ 10-15 เซต
แช่น้ำอุ่น บรรเทานิ้วล็อคเบื้องต้นแบบไม่ต้องพึ่งหมอ
นำมือทั้งสองข้างแช่น้ำอุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป ในระยะเวลาประมาณ 10-20 นาที เพื่อคลายและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณมือให้ดียิ่งขึ้น